AhlulBayt News Agency

source : ABNA24
Sunday

2 August 2020

3:56:28 AM
1059446

Message of Imam Khamenei on 2020 Hajj pilgrimage, in THAI

A message delivered on July 29, 2020, by Ayatollah Khamenei, the Supreme Leader of the Islamic Revolution, on the occasion of the arrival of Hajj season. The full text of the message in Thai language is as follow:

AhlulBayt News Agency - ABNA :  


* สาส์นฮัจญ์ประจำปีฮิจเราะฮ์ศักราช 1441 ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม * 


กับพวกสหรัฐ ผู้ฉ้อฉล และรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่ และความเห็นอกเห็นใจต่อร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของชาวเยเมนและความกังวลใจในการถูกกดขี่ข่มเหงของบรรดามุสลิมในทุกๆพื้นที่ของโลก

“เหล่าผู้นำบางประเทศอิสลาม ได้จับมือกับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัวเพียงชั่วคราว การไม่สนใจต่อกรณีต่างๆซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าอับอายของพวก โดยเฉพาะในการปรากฏตัวของพวกสหรัฐฯในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอยู่ในขณะนี้” โดยท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การปรากฏตัวของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชียตะวันตก เรานั้นถือว่าพวกเขาได้สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ ทำให้เกิดความไม่มั่นคง การบ่อนทำลายของชาติ และความล้าหลังของประเทศทั้งหลายเหล่านั้น” 

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและการเคลื่อนไหวในการต่อต้านการเหยียดผิวสี ซึ่งจุดยืนของเรานั้นชัดเจนว่า เราขอสนับสนุนต่อประชาชนและขอกล่าวประณามพฤติกรรมความโหดร้ายของรัฐบาลที่เหยียดผิวสีในประเทศนั้นด้วย”

สาส์นของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เนื่องในพิธีฮัจญ์ ประจำปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 1441 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ พระผู้ทรงเมตตา ปราณียิ่งเสมอ

การสรรเสริญทั้งมวลนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักวาล และขอกล่าวอำนวยพรแด่ท่านศาสดามุฮัมมัด และวงศ์วานผู้บริสุทธิ์ของท่าน รวมทั้งเหล่าสาวกผู้ที่ถูกเลือกสรร และเหล่าบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขาด้วยคุณงามความดี จวบจนกระทั่งถึงวันแห่งการตัดสิน

ฤดูกาลฮัจญ์ ซึ่งเป็นฤดูแห่งความรู้สึกที่มีเกียรติยศ ความสูงส่ง และความยิ่งใหญ่ของโลกอิสลาม 

แต่ทว่าฮัจญ์ในปีนี้นั้น อยู่ภายใต้ความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาผู้ศรัทธา และความรู้สึกจากการห่างไกลและความล้มเหลวของบรรดาผู้ที่มีความรักและความห่วงใย 

หัวใจทั้งหลาย ต่างรู้สึกโดดเดี่ยวจากวิหารอัลกะอ์บะฮ์ เหมือนดั่งที่กะอ์บะฮ์นั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวจากพวกเรา พร้อมด้วยคำกล่าวว่า “ลับบัยกะ” ที่ผสมผสานกับหยดน้ำตาและเสียงร่ำไห้

การถูกตัดสิทธิ์ในครั้งนี้นั้น มีระยะเวลาที่สั้นและด้วยพลังอานุภาพของพระเจ้า จะเกิดขึ้นอีกไม่นานนัก แต่ถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับเรา ซึ่งจะต้องรู้ถึงคุณค่าในความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของฮัจญ์ ที่มีความเป็นนิจนิรันดร์และจะทำให้พวกเรานั้น ออกห่างจากความเพิกเฉย และในปีนี้ เราก็จะต้องมีความรู้สึกที่มากกว่าเดิม และมีการครุ่นคิดในความเร้นลับของความยิ่งใหญ่และพลังอำนาจของประชาชาติมุสลิมในการรวมตัวกันและความหลากหลายของบรรดาผู้ศรัทธา ณ วิหารของกะอ์บะฮ์และฮะรอม(สถานที่ฝังศพ)ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และบรรดาวงศ์วานของท่าน รวมทั้งบรรดาอิมามแห่งสุสานอัลบะเกียะอ์ด้วย (อ.)   

ฮัจญ์นั้น เป็นข้อบังคับหนึ่งที่ไม่มีอะไรเสมอเหมือน เปรียบดั่งดอกไม้ช่อหนึ่งในหนึ่งร้อยใบ ในหมวดหมู่ข้อบังคับทั้งหลายของอิสลาม ฮัจญ์ได้รวบรวมในทุกๆด้าน มีทั้งทางด้านปัจเจกบุคคล ทางสังคม ทางโลก ทางชั้นฟ้า ทางประวัติศาสตร์ และความเป็นสากลของศาสนา 

และยังมีทางด้านจิตวิญญาณอยู่ในนั้นด้วย แต่โดยปราศจากความเงียบเหงาและความสันโดษ ในขณะที่มีการรวมตัวกันอยู่ในนั้น มีการหลีกเลี่ยงจากความขัดแย้งและการใส่ร้ายป้ายสีและความอาฆาต พยาบาท ในอีกด้านหนึ่ง ความสุนทรีทางจิตวิญญาณจากบทขอพร การวิงวอน และการรำลึกพระผู้เป็นเจ้า แต่ในอีกด้านหนึ่ง ยังมีความรัก ความห่วงใยและการเชื่อมความสัมพันธ์กับหมู่ประชาชน

ขณะที่ผู้แสวงบุญฮัจญ์ จะมองเห็นด้วยตาเพียงข้างเดียวที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ด้วยกับการดำรงอยู่ของท่านศาสดาอิบรอฮีม ท่านศาสดาอิสมาอีล และท่านหญิงฮาญัร และด้วยกับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ในยามเมื่อเขานั้นย่างก้าวเข้าสู่มัสญิด อัลฮะรอม ด้วยการมีชัยชนะอันมากมาย พร้อมทั้งเขายังได้เห็นกรีฑาทัพของบรรดาผู้ศรัทธาในช่วงศตวรรษแรกของอิสลาม ส่วนตาอีกข้างหนึ่ง เขายังได้มองเห็นถึงความหลากหลายของบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ร่วมสมัย ซึ่งผู้ใดก็ตามที่มีความสามารถ เขาก็ให้การช่วยเหลือและยึดมั่นในสายเชือกแห่งอัลลอฮ์ 

การไตร่ตรองและครุ่นคิดในปรากฏการณ์ของฮัจย์ จะทำให้ผู้แสวงบุญนั้นต่างเชื่อว่า อุดมการณ์และแรงบันดาลใจของศาสนาสำหรับมนุษยชาติ จะไม่ประสบผลสำเร็จ หากปราศจากความเห็นอกเห็นใจและความร่วมมือของกลุ่มคนมีความเชื่อในศาสนาอย่างเคร่งครัด และจากการเกิดขึ้นของความเห็นอกเห็นใจกัน ก็จะทำให้แผนการร้ายของเหล่าศัตรูต้องพบกับความล้มเหลว และจะไม่ทำให้เกิดปัญหาที่สำคัญในลักษณะนี้อีกอย่างแน่นอน

ฮัจญ์ คือ การแสดงออกทางอำนาจในการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการทุจริต คอรัปชั่น การกดขี่ข่มเหง การฆาตกรรมผู้ที่อ่อนแอ และการปล้นสดมภ์ทรัพย์สิน และในวันนี้ ร่างกายและจิตวิญญาณของประชาชาติอิสลาม กำลังถูกกดขี่และต้องพบกับความเลวร้ายและมีการหลั่งเลือด ฮัจย์ จึงเป็นภาพลักษณ์ที่แสดงออกถึงขีดความสามารถอันเข้มแข็งและความนุ่มนวลของประชาชาติ

นี่คือ ธรรมชาติของฮัจญ์และจิตวิญญาณของฮัจญ์ และอีกเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของฮัจญ์ ดั่งที่ท่านอิมามโคมัยนี ได้เรียกว่า เป็นฮัจญ์แห่งศาสดาอิบรอฮีม  หากว่าผู้ดูแลกิจการฮัจญ์ ที่เขาเรียกกันว่า เป็นผู้รับใช้ฮะรอมศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนั้น มีความซื่อสัตย์ เขาก็จะเลือกความพึงพอใจของพระเจ้า แทนที่ความพอใจของรัฐบาลสหรัฐ และก็จะสามารถแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของโลกอิสลามได้

วันนี้ก็เหมือนดังเดิม - และมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก - ก็คือ ผลประโยชน์ของประชาชาติอิสลามนั้นขึ้นอยู่ในความเป็นเอกภาพ ซึ่งความเป็นเอกภาพ คือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามและความเป็นศัตรู และการป่าวตะโกนด้วยเสียงอันดังใส่พวกสหรัฐในรูปแบบของซาตาน มารร้าย ผู้ฉ้อฉล ผู้ทรยศ กับสุนัขที่ถูกล่ามโซ่ คือ ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฉ้อฉล ก็จะต้องแสดงออกถึงความกล้าหาญ

นี่คือ ความหมายของพระบัญชาจากพระเจ้า ที่กล่าวว่า 

وَاعْتَصِمُوا بِحَبْلِ اللَّهِ جَمِیعًا وَلَا تَفَرَّقُوا

“และพวกท่านทั้งหลาย จงยึดมั่นในสายเชือกของอัลลอฮ์ และอย่าได้แตกแยกกัน..

 คัมภีร์อัลกุรอาน ได้แนะนำประชาชาติอิสลามให้อยู่ในกรอบของความรุนแรงต่อเหล่าผู้ปฏิเสธและมีความนุ่มนวลระหว่างพวกเขา

และหน้าที่ของเขา คือ

وَلَا تَرْکَنُوا إِلَی الَّذِینَ ظَلَمُوا

“และพวกท่านทั้งหลาย อย่าได้เห็นชอบกับบรรดาผู้ที่ฉ้อฉล”

وَلَن یَجْعَلَ اللَّهُ لِلْکَافِرِینَ عَلَی الْمُؤْمِنِینَ سَبِیلًا

“และอัลลอฮ์ จะไม่ทรงให้แนวทางแก่เหล่าผู้ปฏิเสธเหนือบรรดาผู้ศรัทธา”

فَقَاتِلُوا أَئِمَّةَ الْکُفْرِ

“ดังนั้น พวกท่านจงต่อสู้กับเหล่าผู้นำที่ปฏิเสธ”

ولَا تَتَّخِذُوا عَدُوِّی وَعَدُوَّکُمْ أَوْلِیَاءَ

“และพวกท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดเอาศัตรูของฉัน(พระเจ้า)และศัตรูของพวกท่านมาเป็นมิตร”

และนี่คือ พระบัญชาที่สำคัญและเป็นตัวกำหนดชะตากรรมที่ไม่แยกออกจากระบบแนวคิดและคุณค่าของเรา ทั้งยังถูกลืมเลือนอีกด้วย

ในวันนี้ พื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงหลักนั้นอยู่ในกำมือของประชาชาติ และเหล่าปัญญาชนที่มีความเห็นอกเห็นใจกัน รวมบรรดาผู้ที่มีความคิดที่ดี

ในวันนี้ การตื่นตัวของอิสลาม คือ ความหมายในการสนใจต่อบรรดาปัญญาชนและเยาวชนทั้งหลายของชาวมุสลิม ในทรัพยากรทางความรู้และทางด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ 

ในวันนี้ ลัทธิเสรีนิยมและคอมมิวนิสต์ ซึ่งถูกเหลียวมองใน 50 ปี และ 100 ปีที่แล้ว ว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นที่สุดของอารยธรรมตะวันตก ได้สูญเสียความน่าเย้ายวนใจและข้อบกพร่องที่เยียวยาไม่ได้ 

เป็นระบอบที่มีพื้นฐานในการล่มสลายและระบอบนี้ ยังจะทำให้ระบอบอื่นจะต้องพบกับวิกฤติที่ลึกซึ้งและกำลังจะล่มสลายอีกด้วย

ในวันนี้ ไม่เพียงแต่กระบวนทัศน์ทางวัฒนธรรมตะวันตก ที่ได้ก้าวเข้าสู่เวที ซึ่งเริ่มต้นด้วยกับความอื้อฉาวและความอัปยศอดสู แม้แต่กระบวนทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ หมายถึง ระบอบประชาธิปไตยทางการเงิน ทุนนิยมและการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ ได้แสดงถึงความล้มเหลวและการทุจริตต่างๆ

ในวันนี้ ยังมีปัญญาชนทั้งหลายที่มากมายในโลกอิสลาม ด้วยเกียรติยศและความภาคภูมิใจ ได้สร้างความท้าทายให้กับข้ออ้างต่างๆทางความรู้และอารยธรรมตะวันตก และแทนที่ด้วยอารยธรรมแบบอิสลาม

ในวันนี้ แม้แต่นักคิดชาวตะวันตกบางคนก็ยอมรับ ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าลัทธิเสรีนิยมที่ยโสโอหังได้ทำให้ประวัติศาสตร์สิ้นสุดลง

เมื่อเรามองไปตามท้องถนนในสหรัฐ จะเห็นถึงพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐที่ได้กระทำกับประชาชนของพวกเขา ยังการสร้างช่องว่างทางชนชั้นในประเทศนั้น และการเลือกเอาความน่าอับอายและความโง่เขลาของเหล่าผู้ที่บริหารประเทศ ด้วยการเหยียดเชื้อชาติอันน่าสพรึงกลัว 

และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กับผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในท้องถนนอย่างเลือดเย็น ต่อสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไป ด้วยการทรมานจนเขาเสียชีวิต ได้เปิดเผยโฉมหน้าของการเกิดวิกฤติทางจริยธรรม และทางสังคมของอารยธรรมตะวันตกและความเป็นโมฆะของปรัชญาการเมืองและเศรษฐกิจ

พฤติกรรมของพวกสหรัฐฯกับประเทศที่อ่อนแอ นั่นคือ อีกตัวอย่างหนึ่งจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีต่อชายผิวสีที่ไม่มีทางต่อสู้ และเขาก็ถูกกดทับจนกระทั่งเสียชีวิต

รัฐบาลทั้งหลายของชาติตะวันตกก็เช่นกัน พวกเขายังแสดงตัวอย่างต่างๆที่กล่าวถึงสถานการณ์อันชั่วร้ายเหล่านี้

ฮัจญ์แห่งศาสดาอิบรอฮีม  คือ ปรากฏการณ์ที่รุ่งเรืองของอิสลามที่มีต่อความโง่เขลาแห่งยุคสมัย การเชิญชวนสู่อิสลามและการฉายภาพลักษณ์ในวิถีชีวิตตัวอย่างในการดำเนินชีวิตของสังคมอิสลาม

ในสังคมที่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายต่างใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยการขับเคลื่อนตามหลักเอกภาพ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สูงส่งที่สุด การออกห่างจากการพิพาท ความขัดแย้ง การเหยียดเชื้อชาติ การทุจริตคอร์รัปชั่น ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่จำเป็น การขวางปาหินเข้าใส่ซาตาน การประกาศออกห่างจากบรรดาผู้ตั้งภาคี การช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ขัดสน การแสดงสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธา ถือว่าทั้งหมดนี้ เป็นภารกิจหลัก การแสวงหาผลประโยชน์ทั่วไปที่ควบคู่กับการรำลึกถึงพระเจ้า การกล่าวขอบคุณและความเป็นบ่าวของพระองค์ คือ เป้าหมายในระดับกลางและระดับสุดท้าย

นี่คือ ภาพลักษณ์โดยรวมของสังคมอิสลาม ที่มาจากพิธีฮัจญ์แห่งอิบรอฮีม และเมื่อได้เปรียบเทียบกับความเป็นจริงของสังคมตะวันตกที่เต็มไปด้วยกับข้ออ้างต่างๆ ซึ่งจะทำให้หัวใจของบรรดามุสลิมทุกคนนั้นเต็มไปด้วยกับความหวัง ความพยายามและการต่อสู้เพื่อที่จะเข้าถึงสังคมเช่นนี้

เรา ประชาชนชาวอิหร่านด้วยกับการชี้นำของผู้นำอย่าง ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ยิ่งใหญ่ ได้ดำเนินตามแนวทางนี้และได้ประสบความสำเร็จ และเราไม่ได้อ้างว่า เรานั้นมีความสามารถที่จะกระทำในสิ่งที่เราเข้าใจและเป็นสิ่งที่เรานั้นชอบ แต่เราจะขออ้างว่าในแนวทางนี้ เราได้รับความก้าวหน้าและอุปสรรคต่างๆมากมายได้ถูกขจัดออกไป และด้วยเกียรติในความเชื่อมั่นต่อพันธสัญญาของอัลกุรอาน ได้ทำให้ก้าวของพวกเรานั้นยืนหยัดมั่นคง ขณะที่ซาตานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นโจรสลัดที่ก้าวร้าวในยุคนี้ หมายถึง ระบอบสหรัฐฯยังไม่สามารถที่จะทำให้เรานั้นมีความหวาดกลัวได้เลย หรือยอมจำนนต่อแผนการหลอกลวง หรือขัดขวางความก้าวหน้าทางด้านวัตถุและทางจิตวิญญาณของพวกเรา 

เราถือว่า ประชาชาติทั้งหมดของอิสลามนั้นคือพี่น้องกัน และคนต่างศาสนิกที่ไม่ได้เข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน เราก็จะปฏิบัติกับเขาอย่างดีด้วยความยุติธรรม ทั้งนี้ เรายังถือว่าความเศร้าโศกของสังคมอิสลาม คือ ความเศร้าโศกของตน และเราพยายามที่จะหาแนวทางในการรักษาเยียวยาและการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่ เรามีความเห็นอกเห็นใจในร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของชาวเยเมนและมีความกังวลต่อชาวมุสลิมที่ถูกกดขี่ทั่วทุกพื้นที่ในโลก 

และเราถือว่า การตักเตือนต่อเหล่าผู้นำบางประเทศอิสลามนั้นเป็นหน้าที่ภารกิจของเรา รัฐบาลต่างๆซึ่งแทนที่พวกเขาจะเป็นที่พึ่งพาอาศัยให้กับพี่น้องชาวมุสลิมด้วยกัน พวกเขากลับเข้าไปหลบภัยอยู่ในอ้อมแขนของเหล่าศัตรู และเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเพียงไม่กี่ชั่วยาม พวกเขายอมอดทนต่อความอัปยศและการบีบบังคับของศัตรูและพวกเขาได้ขายศักดิ์ศรีและความเป็นอิสรภาพของประเทศของตน

ขณะที่พวกเขายอมรับในการดำรงอยู่ของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ทั้งมีการจับมือกันอย่างซ่อนเร้นหรือเปิดเผยก็ตาม เราขอกล่าวตักเตือนพวกเขาและเราจะออกห่างจากผลกระทบที่ขมขื่นจากการกระทำอันนี้ 

เราถือว่า การปรากฏตัวของสหรัฐฯ ที่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่มั่นคง การบ่อนทำลายของชาติและความล้าหลังของประเทศทั้งหลายในภูมิภาค เหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และการเคลื่อนไหวในการต่อต้านการเหยียดผิวสี ซึ่งจุดยืนของเรานั้นชัดเจนและขอกล่าวประณามพฤติกรรมอันหยาบกระด้างของรัฐบาลที่เหยียดผิวสีของประเทศนั้น

ในช่วงท้าย ข้าพเจ้ากล่าวสลามและการประสาทพรแด่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) การเทอดเกียรติแด่ท่านอิมามโคมัยนีและขอสดุดีต่อบรรดาชะฮีด และข้าพเจ้าหวังว่า ขอวิงวอนต่อพระเจ้า ทรงโปรดประทานพิธีฮัจญ์ที่มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับ ทั้งยังมีเกียรติในอนาคตอันใกล้นี้ ให้ประชาชาติอิสลามด้วยเถิด

วัสสลามุ อะลา อิบาดิลลาฮิซซอลิฮีน

ซัยยิดอะลี คาเมเนอี 

7 ซุลฮิจญะฮ์ 1441

.............................................

End/ 257